แอปพลิเคชั่นที่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย

แอปพลิเคชั่นที่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย คุณไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้ใช้ตัวยงของโซเชียลมีเดียก็คงจะเคยได้ยินเรื่องของเทรนด์ล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ ซึ่งมันคือ FaceApp นั่นเอง ใครจะรู้ว่าแอปพลิเคชั่นที่สร้างรอยเหี่ยวย่นบนรูปของเราเพื่อที่จะจำลองดูว่าหากเราอายุมากขึ้นหน้าตาจะเป็นอย่างไรจะฮิตได้ขนาดนี้

บัญชีผู้ใช้รอบๆ ตัวของคุณเกือบทั้งหมดต่างแบ่งปันภาพของตัวเองตอนอายุ 80 แต่ข้อเสียของการใช้แอปพลิเคชั่นแต่งรูปของรัสเซียนี้ก็ทำให้เกิดความกังวลขึ้นมาเช่นกัน นั่นคือเรื่องเกี่ยวกับข้อกำหนดในการให้บริการของแอปพลิแคชั่นและนโยบายความเป็นส่วนตัว
อย่างที่ FaceApp เขียนเอาไว้ เมื่อรูปภาพถูกอัพโหลดโดยผู้ใช้ นั่นหมายถึง “พวกเขาอนุญาตให้ FaceApp ให้สิทธิการใช้งานเป็นช่วงที่อนุญาตให้ใช้ ทำสำเนา แก้ไข ปรับแต่ง ดัดแปลง เผยแพร่ แปลความ สร้างผลงานดัดแปลง จำหน่าย แสดงต่อสาธารณะและนำเสนอเนื้อหาของผู้ใช้และชื่อหรือชื่อผู้ใช้ใดๆ หรือนามแฝงที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับ User Content ของคุณในทุกรูปแบบและช่องทางทั้งหมดในตอนนี้และที่จะพัฒนาต่อในอนาคต โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนใดๆ ให้กับคุณ ที่จะมีผลตลอดไป เรียกคืนไม่ได้ ไม่จำกัด สามารถนำไปใช้ได้ทั่วโลก”

แอปหาคู่ฟรี

ในขณะที่แอปพลิเคชั่นส่วนใหญ่ที่มีชื่อเสียงในการส่งเสริมการรักษาความเป็นส่วนตัว (Privacy Concerns) ส่วนใหญ่นั้นรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ และก็มีบ้างเช่นกันที่ไม่รู้อะไรเลย ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ด้านเทคโนโลยีและรายเล็กๆ ที่เพิ่งเข้ามาสามารถเห็นไอเดียที่จะทำให้แอปพลิเคชั่นบรรลุผลโดยการเสริมเรื่องนี้เป็นจุดแข็ง (ถ้าพวกเขามีเงินทุน เวลาและทรัพยากรเพื่อสนับสนุน) จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแอปหาคู่ฟรีจำนวนมากถึงละเลยเรื่องหลักการพื้นฐานของความเป็นส่วนตัวไป

จากการให้สัมภาษณ์กับ Wired นักวิจัยนิรนามด้านความปลอดภัยชาวอเมริกันกล่าวถึงปัญหาว่า “ค่อนข้างชัดเจนว่าแอปพลิเคชั่นบางตัวมีปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค เราไม่คิดว่าแอปเหล่านี้จะมีความตั้งใจที่ไม่ดี แต่บางแอปมีแนวทางการรักษาความปลอดภัยที่หละหลวมและอาจทำให้ผู้ที่ต้องการจะโจมตีหรือคนที่มีความตั้งใจที่ไม่ดีมาเจอข้อมูลของผู้ใช้ที่ตัวแอปพลิเคชั่นไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิด”

ด้วยลักษณะของแอปหาคู่ที่มักกำหนดให้ผู้ใช้ป้อนการตั้งค่าการออกเดท อย่างเช่นอายุ ตำแหน่ง และข้อมูลอื่นๆ ตัวแอปเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เอาไว้จำนวนมาก นี่เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้แฮกเกอร์ให้ความสนใจในแอปนี้ และถ้าคุณยังต้องการเหตุผลในการระวังมากกว่านี้ ลองดูกรณีที่ข้อมูลรั่วไหลจากการถูกแฮกของ Ashley Madison ได้เลย

WeChat

ในขณะที่พวกเราส่วนใหญ่อาจจะเลือกใช้ Whatsapp หรือ Viber ตัว WeChat ได้กลายเป็นวิธีหลักในการสื่อสารสำหรับผู้ใช้ชาวจีน แอปพลิเคชั่นตัวนี้มีเจ้าของเป็นบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีนยักษ์ใหญ่อย่าง Tencent แต่เพิ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปเมื่อเร็วๆ นี้ สำหรับการเก็บบันทึกข้อมูลการแชทของผู้ใช้เอาไว้

แม้จะปฏิเสธคำกล่าวอ้างนั้น เมื่อไม่นานมานี้ ประเทศจีนได้ผ่านกฎหมายความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้เสนอหลักฐานที่ตรงกันข้ามที่ตอนนี้จำเป็นจะต้องเก็บบันทึกแชทเอาไว้อย่างน้อยหกเดือนเพื่อช่วยเหลือการบังคับใช้กฎหมายในการสนับสนุนกฎหมายการเซ็นเซอร์ต่อไป

จากโพสต์ในโซเชียลมีเดียของ WeChat กล่าวถึงการเก็บข้อมูลของแอปว่า “WeChat จะไม่ใช้เนื้อหาข้อมูลใดๆ จากแชทของผู้ใช้งานสำหรับกระบวนการวิเคราะห์เซ็ตข้อมูลขนาดใหญ่ เนื่องจากรูปแบบทางเทคนิคของ WeChat ที่ไม่ได้จัดเก็บหรือวิเคราะห์การสนทนาของผู้ใช้ ข่าวลือที่ว่า “เรากำลังจับตาดู WeChat ของคุณอยู่ทุกวัน” คือการเข้าใจผิดอย่างมหาศาล

Snapchat

ปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวของ Snapchat นั้นมีมาหลายปีแล้ว และแทบจะไม่น่าแปลกใจเลยกับความจริงที่ว่ามันยังคงคิดวิธีการใหม่ๆ ให้ผู้ใช้งานยังอยู่กับแพลตฟอร์มของตัวเอง โดยพยายามตาม Instagram และ Facebook ให้ทัน ฟีเจอร์ส่วนใหญ่ของแอปนั้นปลอดภัยมากพอ เพราะตัวฟิลเตอร์ที่เราเลือกใช้แต่งบนหน้านั้นก็เพียงพอที่จะปกปิดและบิดเบือนใบหน้าจริงของเราจนแฮกเกอร์ไม่สามารถจดจำได้ แต่มีอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวขึ้นมา นั่นคือ Snap Map นั่นเอง

ฟีเจอร์นี้จะแชร์โลเคชันของคุณกับเพื่อน โดยอนุญาตให้พวกเขาเห็นว่าคุณกำลังอยู่ตรงส่วนไหนของแผนที่ ซึ่งที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ มันคือการอนุญาตให้ติดตามและเผยแพร่ตำแหน่งของคุณได้ในทุกครั้งที่คุณกดเปิดแอปขึ้นมา และอนุญาตให้ใครก็ตามที่อยู่ในลิสต์รายการเพื่อนของคุณรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน

แอปพยากรณ์อากาศ

คนส่วนใหญ่คงไม่คิดอะไรมากกับการเลือกติดตั้งแอปพยากรณ์อากาศ ใครจะอยากออกจากบ้านโดยสวมรองเท้าหนังกลับแล้วไปเจอฝนกระหน่ำในตอนเย็นจนมันทำให้รองเท้าคู่สวยพังแล้วทำให้คุณกลับบ้านในสภาพเปียกม่อล่อกม่อแล่กกันล่ะ ไม่มีใครต้องการแบบนั้นหรอก

น่าตกใจไม่น้อยเมื่อพบว่าแอปพยากรณ์อากาศนั้นถูกพบบนอุปกรณ์มือถือแทบทุกเครื่อง และดูเหมือนว่าจะเมินเรื่องความเป็นส่วนตัวไปเลย แอปพลิเคชั่นอย่าง AccuWeather มีประวัติเรื่องการขายข้อมูลของผู้ใช้ให้กับผู้ที่ประมูลได้สูงที่สุด แม้ว่าจะมีการแถลงการณ์จากบริษัทว่าไม่ใช่เรื่องจริงก็ตาม แอปนั้นเก็บข้อมูล และขาย ข้อมูลเครือข่าย WiFi อย่างเช่นหมายเลขเราเตอร์และ BSSIDs ซึ่งสามารถใช้เพื่อระบุตำแหน่งของผู้ใช้แบบเดียวกันกับ GPS ได้เลย

Facebook

ปีนี้เป็นปี 2019 แล้ว และเราแทบจะไม่ต้องบอกคุณว่า Facebook นั้นไม่ได้ดีที่สุดเมื่อเราพูดถึงการปกป้องข้อมูลและกฎหมายความเป็นส่วนตัว ถ้าเรื่องราวอื้อฉาวกับ Cambridge Analytica จะสอนอะไรให้กับเรา นั่นคือ Mark Zuckerberg ผู้ยิ่งใหญ่และเหล่ามินเนี่ยนของเขากำลังจะปล้นข้อมูลของเราไปนั่นเอง

ไม่ว่าคุณจะอนุญาตหรือไม่ การตรวจตราของ Facebook ในการใช้โทรศัพท์และข้อมูลของเรานั้นมีมากมาย ตัวแอปพลิเคชันสามารถถ่ายรูปและบันทึกวีดิโอ เสียง เพิ่มและลบผู้ติดต่อ อ่านข้อความ ดูปฏิทินของเราและแม้แต่ลบล้างแอปอื่นๆ นี่เป็นเรื่องน่าห่วงเพียงไม่กี่ข้อ เนื่องจากเรื่องอื่นอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่สามารถเพิ่มเข้าไปในลิสต์ได้ แอปพลิเคชันยังคงทำงานต่อไปในพื้นหลังได้ โดยกินพลังงานแบตเตอรี่และใช้ข้อมูลส่วนใหญ่ของเราอย่างสิ้นเปลือง ถ้าคุณอยากจะทำอะไรสักอย่างในวันนี้ มันควรจะเป็นการลบแอป Facebook ในโทรศัพท์และหันไปใช้ในออนไลน์บราวเซอร์แทน

mublet