เจน วาเลนไทน์ (ane Valentine) จากศูนย์สุขภาพเด็กและวัยรุ่นเวสต์เทิร์นออสเตรเลีย (WA Child and Adolescent Health Service) จะเป็นผู้นำในงานวิจัยครั้งใหญ่นี้โดยมีผู้ปกครอง 3,000 คนจากเมืองเพิร์ธเมืองหลวงของรัฐฯ เข้าร่วมวิจัยโดยการถ่ายวิดีโอหากของพวกเขา1ครั้งเมื่ออายุครบ2สัปดาห์และอีก1ครั้งเมื่ออายุครบ 12 สัปดาห์เพื่อรับการประเมินโดยคณะวิจัย
ทารกที่ถูกตรวจพบว่ามีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ผิดปกติในช่วงอายุ 12 สัปดาห์จะถูกส่งไปดูอาการเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลเด็กเมืองเพิร์ธ (Perth Children’s Hospita)
แอปฯดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษโดยหวังว่าในอนาคตผู้ปกครองทุกคนจะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีลักษณะเดียวกันเพื่อตรวจสอบว่าทารกของพวกเขามีพัฒนาการที่ผิดปกติหรือไม่ โครงการนี้เป็นแบบอย่างของการวิจัยเชิงนวัตกรรมขั้นสูงที่กำลังดำเนินการในรัฐฯรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของรัฐฯกล่าว
“แอปฯดังกล่าวมีศักยภาพที่จะช่วยให้เด็กที่มีควมบกพร่องทางสมองเริ่มต้นการใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด โดยตรวจสอบให้แนใจแต่เนิ่นๆว่าพวกเขามีความผิดปกติทางร่างกายหรือไม่เพื่อจะได้เข้ารับการรักษาได้ทันเวลา” คุกกล่าว รูปแบบการเคลื่อนไหวของเด็กแรกเกิดจะสามารถนำมาใช้คาดการณ์โรคสมองพิการได้ด้วยความแม่นยำร้อยละ 90 และหลักฐานใหม่ยังแสดงให้เห็นว่าวิธีการที่คล้ายกันก็สามารถใช้คาดการณ์ความบกพร่องทางสติปัญญาอื่นๆ ไดh
ทั้งนี้คณะวิจัยหวังว่าจะสามารถพัฒนาแอปฯ เพื่อแยกแยะความแตกต่างระหว่างการเคลื่อนไหวของร่างกายที่ปกติและผิดปกติโดยคาดว่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในชุมชนห่างไกลซึ่งเป็นสถานที่ที่ยากต่อการไปพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินรูปแบบการเคลื่อนไหวแบบต่อหน้า
อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมที่น่าตื่นเต้นนี้แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีใหม่ๆสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้ทุกครอบครัวในประเทศ สามารถเข้าถึงการดูแลทารกแรกเกิดได้ดีและประหยัดค่าใช้จ่ายยิ่งขึ้น